fbpx

LIBRARY

จินตคณิต กับสมอง

จินตคณิต กับสมอง

จินตคณิต บำรุงสมอง

  อย่างที่เราเคยเอ่ยถึงในบทความก่อนหน้านี้ถึงการทำงานของสมองที่ว่าสมองของคนเราประกอบด้วยสมอง 2 ส่วน นั่นก็คือสมองซีกซ้ายและซีกขวา ซึ่งผลวิจัยพบว่า 95% ของเด็กจะใช้สมองซีกซ้ายและขาดการพัฒนาการใช้สมองซีกขวา

ซึ่งแน่นอนว่าสมองทั้ง 2 ซีกมีศักยภาพและการใช้งานที่ต่างกัน สมองซีกซ้ายเกี่ยวกับการวิเคราะห์,ตรรกะ,ภาษาและเสียง ส่วนสมองซีกขวา เกี่ยวกับจินตนาการ, ดนตรี, เหตุผล การสังเคราะห์ข้อมูลไปจนถึงการคำนวนแบบจินตคณิต       

  โดยปกติแล้วสมองซีกซ้ายจะถูกกระตุ้นการใช้งานอยู่แล้วดังนั้นเราจึงมาดูกันว่าการกระตุ้นสมองซีกขวานั่นควรทำอย่างไร ซึ่งการกระตุ้นสมองซีกขวาทำได้โดยการสร้างจินตนาการ ซึ่งเราสามารถเสริมได้ทั้งกิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะ การปั้น การเล่นแบบเลียนแบบ การเรียนดนตรี และการเรียนจินตคณิต กิจกรรมต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วยกเว้นการเรียนจินตคณิต ซึ่งโดยปกติคนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป้าหมายของการเรียนจินตคณิตคือการให้เด็กคิดเลขเร็ว แต่จินตคณิตมีความหมายมากกว่านั้น จินตคณิต คือการนำเอาลูกคิดเป็นสื่อเพื่อให้เด็กฝึกการใช้สมองซีกขวา ซึ่งต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อให้เด็กเกิดความเคยชินในการใช้สมองทั้งสองด้าน 

สารอาหารบำรุงสมอง

และช่วงระยะเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้และการทำงานของสมองคือ แรกเกิดถึง 7 ปีเพราะการพัฒนาสมองของมนุษย์ในช่วงวัยนี้จะพัฒนาไปถึง 80 % ของผู้ใหญ่ ในช่วงวัยเด็กสมองจะพร้อมรับและจดจำทุกๆ อย่าง เซลล์แต่ละเซลล์จะเชื่อมโยงกันทำให้เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี จนเมื่ออายุ 10 ขวบขึ้นไปสมองจึงเริ่มจำกัดการเรียนรู้ และเลือกการรับสิ่งต่างๆ เข้ามาเพื่อนำส่วนที่เหลือไปใช้ในชีวิตประจำวัน

นอกจากการเสริมการเรียนรู้และฝึกพัฒนาสมองที่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคงเป็นอะไรไม่ได้นอกจากการเลือกสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของสมอง และสารอาหารที่จำเป็นต่อประสิทธิภาพของสมองแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่

  1. การเพิ่มความจำ สารอาหารที่มีส่วนช่วยในการจดจำก็จะเป็นอาหารที่มีสารอาหารประเภทโคลีน วิตามินบี และอีช่วยบำรุงประสาท ซึ่งจะอยู่ในอาหารประเภท นมถั่วเหลือง เนื้อสัตว์ นม ไข่ ธัญพืชต่างๆ ตั้งแต่ถั่ว ข้าวซ้อมมือ ซีเรียลต่างๆ โยเกิร์ต 
  2. การเสริมไอคิว สารอาหารในกลุ่มนี้ได้แก่ โอเมก้า3 และ DHA และธาตุเหล็ก อาหารที่มีโอเมก้า 3 และ DHA อยู่ในปลาทะเลเป็นส่วนใหญ่ เป็นสารอาหารที่เกี่ยวข้องกับสมองและระบบประสาท จำเป็นต้องได้รับตั้งแต่เด็กๆ ส่วนแร่ธาตุอีกชนิด คือ ธาตุเหล็ก เพราะธาตุเหล็กช่วยเสริมไอคิวได้เป็นอย่างดี มีการสร้างเยื่อหุ้มไมอีลีนสำหรับเซลล์ประสาท ทำให้การส่งสัญญาณประสาทมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  3. ช่วยลดความเครียด ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ซึ่งวิตามินบีนอกจากจะช่วยเรื่องความจำแล้วยังช่วยเพิ่มสารแห่งความสุขได้ด้วย ถึงจะไม่เกี่ยวข้องกับความฉลาดโดยตรงแต่ความเครียดก็ถือว่าเป็นศัตรูของการเรียนรู้และการเกิดสมาธิ 

คณิตศาสตร์