ความเป็นมาของลูกคิด
ลูกคิดได้รับการยกย่องเป็นประดิษฐ์กรรมทางวัฒนธรรมเมื่อวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ตามที่มีการรายงานของจีนก็มีการเสนอไว้นับแต่ปี ค.ศ. 2009
ลูกคิดเป็นเครื่องมีที่ใช้กันมาตั้งโบราณซึ่งในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์ ลูกคิดจึงได้รับการยอมรับและมีการใช้กันแพร่หลายในสมัยนั้น โดยทุกๆร้านค้าจะมีเกือบทุกร้าน ซึ่งเป็นสิ่งคำนวณความสะดวกในการคำนวณไม่ว่าจะเป็นการ บวก ลบ คูณ หาร โดยเฉพาะเรื่องของการบวก ลบ สามารถใช้คิดได้ง่าย ลูกคิดนั้นเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ชาวจีนคิดค้น และภาคภูมิใจทั้งยังเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรมมของชาวจีน ประวัติลูกคิดกล่าวถึงถึงนักดาราศาสตร์และนักคณิตศาสตร์ชาวจีนเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นและจากภาพวาดเก่าแก่ ชิงหมิงซั่งเหอถู่ ซึ่งมีภาพแสดงให้ถึงการใช้ลูกคิดอย่างชัดเจน หากเทียบ พ.ศ. กับประเทศไทยก็น่าจะอยู่ในช่วงก่อนยุดสุโขทัยเป็นภาพที่ยืนยันอย่างหนึ่ง
ลูกคิดมีรูปแบบเอกลักษณ์ที่เด่นอยู่ 2 ส่วนใหญ่คือ ด้านบนและล่าง ด้านบนจะมีลูกคิดจำนวน 2 ลูก ขณะที่ด้านล่างจะมี 5 ลูก แยกออกเป็นแถวเรียงกันไป เช่นรูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบที่ช่วยคิดคำนวณได้อย่างละเอียด การคิดเลขด้วยลูกคิดสามารถได้ผลลัพธ์ทันที โดยไม่ต้องใช้กระดาษในการทดเลข เรื่องของการเรียนการสอนได้เข้ามาเป็นส่วนนึงของหลักสูตรที่ทุกคนต้องได้ผ่านการเรียนมาก่อนหรือบ้างคนก็ไม่ได้เรียนมาก่อน ซึ่งการเรียนลูกคิด นั้นจะต้องท่องสูตรลูกคิด ก็ไม่ใช้เรื่องยากหากท่องได้ก็จะสามารถที่จะใช้ลูกคิดได้ดี
ลูกคิดถือเป็นตำนานที่มีมานานในปัจจุบันลูกคิดเป็นเครื่องคำนวณที่ไม่ได้ความนิยมแต่เป็นเครื่องที่ช่วยเสริมสร้างการคำนวณให้มีความแม่งยำพร้อมทั้งเป็นการฝึกสมาธิได้อีกด้วย โดยปัจจุบันมีสถาบันที่ได้นำลูกคิดมาใช้ในการเรียนการสอนกับผู้เรียน อย่าง สถาบัน CMA จินตคณิต ที่มุ่งเน้นให้ผู้ได้ใช้ลูกคิดเป็นการปูพื้นฐานการคำนวณและฝึกให้สามารถที่จะคิดเลขได้ไวโดยการใช้หลักสูตรจินตคณิต